นพ.มนูญ เตือนผู้ชื่นชอบท่องเที่ยวถ้ำ หรืออยู่ใต้โพรงต้นไม้ ควรสวมหน้ากากอนามัย หลังพบเคสป่วยโรคฮิสโตพลาสโมซิส จากการหายใจรับสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม จากมูลค้างคาว-นก อาจกระจายไปตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง สมอง แต่ยืนยันพบไม่บ่อย
วันนี้ (5 ต.ค.2565) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" ระบุว่า โรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) เป็นโรคที่เกิดจากการหายใจสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม (Histoplasma capsulatum) จากมูลค้างคาว หรือนก เข้าปอด และบางคนอาจกระจายไปอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูก ต่อมหมวกไต สมอง ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย
นพ.มนูญ ยกเคสผู้ป่วยหญิงอายุ 45 ปี ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช โดยเดินเข้าโพรงต้นไม้ใหญ่อยู่ห่างคลองวังหีบประมาณ 200 เมตร เพื่อไปดูค้างคาว ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และอยู่ในโพรงต้นไม้ประมาณ 3 นาที
หลังจากนั้น 15 วัน เริ่มมีอาการไอแห้ง ๆ บางครั้งไอมีเสมหะสีขาว อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เดินขึ้นบันไดเหนื่อย เบื่อหาร น้ำหนักลด 2 กิโลกรัม ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดกระดูก ไปหาแพทย์วันที่ 5 ก.ย.2565 เอกซเรย์ปอดผิดปกติ มีก้อนเล็ก ๆ กระจายทั่วปอดทั้ง 2 ข้าง ทำคอมพิวเตอร์สแกนปอด และช่องท้อง พบก้อนเล็ก ๆ ในปอดกระจายทั่วปอดทั้งสองข้าง
ก้อนในปอดด้านล่างขนาดใหญ่ถึง 1 เซนติเมตร พบก้อนในต่อมหมวกไตข้างซ้ายขนาด 0.5 x 1.1 เซนติเมตร และม้ามโตเล็กน้อย ได้ทำผ่าตัด ตัดชิ้นเนื้อจากปอดด้านซ้าย ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา พบว่ามีเนื้อเยื่อตายและการอักเสบแบบแกรนูโลมา (necrotizing granulomatous inflammation) ไม่พบวัณโรค ย้อมสีพบเชื้อราลักษณะเป็นยีสต์ เพาะเชื้อราขึ้น Histoplasma capsulatum มีลักษณะเป็นราสาย Histoplasma อยู่ในกลุ่มรา 2 รูป (Dimorphic) อยู่ในเนื้อเยื่อมีรูปเป็นยีสต์ อยู่ในธรรมชาติมีรูปเป็นเส้นใยราสาย
|