[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
เมนูหลัก
หน่วยงานในวิทยาลัย
ข้อมูลพื้นฐานวิทยาลัย
งานนโยบายและแผนฯ
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 84 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
หน่วยงานต่างๆ
poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก



 

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
พามาหาคำตอบ ทำไม รถญี่ปุ่น ถึงลุยน้ำได้ดีกว่า รถยุโรป  VIEW : 343    
โดย ตรวน

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 95
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 7
Exp : 87%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 49.229.171.xxx

 
เมื่อ : อาทิตย์ ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2565 เวลา 16:46:25    ปักหมุดและแบ่งปัน

ช่วงระยะหลังมานี้หลายคนคงเห็นภาพรถยุโรปหรูจอดตายกลางน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งรถแบบเอสยูวี (SUV)

ขณะที่รถญี่ปุ่นแม้ระดับน้ำสูงถึงไฟหน้าก็ยังวิ่งฉิวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นว่าทำไมรถยุโรปถึงช่างกลัวน้ำเหลือเกิน วันนี้เราเอาคำตอบมาฝากกันครับ

โดยปกติแล้วสาเหตุที่เครื่องยนต์ดับขณะลุยน้ำเกิดมาจากการที่มีน้ำเล็ดลอดเข้าไปยังระบบกรองอากาศของเครื่องยนต์ เมื่อไส้กรองอากาศเปียก ก็จะทำให้อากาศไม่สามารถไหลผ่านได้ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับในที่สุด ซึ่งกรณีนี้หากไม่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ซ้ำ ก็มักจะไม่เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำยังไม่หลุดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ เพียงแค่เปลี่ยนไส้กรองอากาศราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท ก็สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว

แต่หากผู้ขับขี่พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์หลังจากที่เครื่องยนต์ดับในขณะลุยน้ำ

อาจส่งผลให้มีน้ำบางส่วนไหลทะลุไส้กรองอากาศเล็ดลอดเข้าไปยังท่อไอดีและห้องเผาไหม้ เมื่อน้ำเจอกับลูกสูบที่ขยับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรง ก็อาจเสียหายถึงขั้นลูกสูบคด ซึ่งการซ่อมแซมค่าเสียหายระดับนี้มักไม่ต่ำกว่า 40,000 – 50,000 บาท เพราะอาจถึงขั้นต้องวางเครื่องยนต์ใหม่ และรถบางรุ่นอาจต้องจ่ายทะลุหลักแสนได้อย่างไม่ยากเย็น

ส่วนกรณีรถยุโรปทำไมถึงกลัวน้ำมากกว่ารถญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยีที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่า

โดยเฉพาะรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ที่มักจะถูกติดตั้งระบบเทอร์โบมาให้ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีอินเตอร์คูลเลอร์เพื่อช่วยในการลดความร้อนของอากาศก่อนส่งไปยังห้องเผาไหม้ โดยอุปกรณ์ที่ว่านี้จะถูกติดตั้งอยู่ด้านหลังของกันชนหน้าส่วนล่าง ซึ่งมีโอกาสปะทะกับมวลน้ำได้ง่ายเมื่อจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ

แม้ว่าอินเตอร์คูลเลอร์จะเป็นระบบปิด ซึ่งอากาศจะไหลเวียนมาจากเทอร์โบผ่านไส้กรองอากาศเท่านั้น แต่หากรถผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง อาจพบปัญหาซีลข้อต่อของอินเตอร์คูลเลอร์เกิดการแข็งหรือเสื่อมสภาพ ทำให้มีน้ำเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้จนทำให้เครื่องยนต์ดับในที่สุด จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงมักเห็นรถยุโรปจอดตายกลางน้ำอยู่บ่อยๆ นั่นเอง

นอกจากนี้ รถยุโรปยังมีชิ้นส่วนอีกหลายอย่างที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษหากจำเป็นต้องลุยน้ำ

ไม่ว่าจะเป็นแร็กพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งอาจได้รับความเสียหายจากน้ำหากซีลมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งหากเบิกของใหม่จากศูนย์อาจต้องกำเงินไว้ไม่ต่ำกว่าแสนบาท หากเปลี่ยนไปใช้ของมือสองก็ไม่แน่ใจว่าจะทนทานแค่ไหน รวมถึงเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่อาจอ่านค่าผิดเพี้ยนไปจากปกติจนทำให้ปรากฏข้อความเตือนขึ้นบนหน้าจอได้

ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ใช้รถยุโรปช่วงนี้ ก็คงได้แต่แนะนำว่าจอดทิ้งไว้บ้านก่อน แล้วเอารถญี่ปุ่นหรือคันที่ไม่มีระบบเทอร์โบมาใช้แทน หรือหากจำเป็นต้องนำมาใช้งานจริงๆ เนื่องจากไม่มีรถสำรองแล้วล่ะก็ ควรศึกษาเส้นทางและติดตามสภาพฟ้าฝนให้ดีก่อนออกเดินทางทุกครั้ง หากต้องลุยน้ำจริงๆ ก็ควรปิดแอร์ ใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดสูงขึ้นครับ
https://mydeedees.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1-%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8/





วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
237 หมุู่ 8 ต.คำแก้ว อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ 38170 โทรศัพท์ 042-086002 โทรสาร 042-086002