เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม

เพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า นายกฯได้มอบหมายให้ส่วนราชการไปกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินงานมาตรการอย่างเข้มข้นในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงนั้นๆ ซึ่งในส่วนของ ศธ. ได้กำชับส่วนราชการในการดูแลเด็กและเยาวชน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืนให้เข้มข้นขึ้น โดยใช้กลไกตามนโยบายความปลอดภัยในสถานศึกษา ใช้หลักการทำเด็กให้เข้มแข็ง และจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เน้นการดำเนินงานด้านการป้องกัน การปลูกฝัง และปราบปราม

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกัน คือให้สถานศึกษาวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล

พิจารณานักเรียนกลุ่มเสี่ยง การสร้างข้อตกลงร่วมกัน และสร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวังทั้งในสถานศึกษาและชุมชน เพื่อดูแลส่งต่อข้อมูล พฤติกรรมของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง และอาจจะต้องมีการทบทวนมาตรการสุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้วย เพื่อค้นหาว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยหรือไม่ ส่วนมาตรการปลูกฝัง คือให้สร้างความรู้ ความเข้าใจถึงโทษภัย และผลกระทบของยาเสพติด การจัดกิจกรรมต่อต้านยาเสพติด โดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความคิด วิเคราะห์ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสนองต่อความสนใจ ความต้องการของนักเรียน สำหรับมาตรการปราบปราม ให้สถานศึกษาใช้ระเบียบวินัยในสถานศึกษาอย่างเข้มข้น โดยแต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษา การคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การประสานเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ตลอดจนการประสานส่งต่อในกรณีที่เกินกว่าขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษา และอาจจะต้องมีการทบทวนมาตรการสุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้วย เพื่อค้นหาว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาร่วมมือกับครอบครัว ชุมชน องค์กรท้องถิ่น สถานีตำรวจ เครือข่ายผู้ปกครอง เครือข่ายนักเรียน ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ ร่วมกันวางระบบแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืนเข้าโรงเรียน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียน ครู และบุคลากรทุกคน

น.ส.ตรีนุชกล่าวด้วยว่า สำหรับการดูแลและส่งต่อกลุ่มเด็กที่ติดยาเสพติดไปบำบัด

ดูแลรักษาให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้มีการนำเสนอในหลายแนวทาง ซึ่งนายกฯจะมีการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ให้เข้มข้นขึ้น ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะจัดให้มีนักดูแลสุขภาพจิตในโรงเรียนให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับเครือข่ายด้านสาธารณสุขให้เข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งติดตามการดูแล บำบัด รักษาของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
https://have-a-look.net/2022/10/15/%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%8a-%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%a1-%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%9e/