"เบาหวาน"
โรคชื่อเบาที่ไม่ควรเบาใจ
หนึ่งในโรคร้ายที่บ่อนทำลายสุขภาพของเรา
เควิน แมมอน ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เพราะเขารู้ดีและได้รับคำเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว บันทึกการตรวจร่างกายของเขาก็เป็นประจักษ์พยานได้ สี่ปีที่แล้วการตรวจสุขภาพชี้ให้เห็นว่เขามีภาวะก่อนเบาหวาน
ซึ่งตามชื่อก็บอกแล้วขั้นกึ่งกลางระหว่างระดับน้ำตาลปกติที่ดีต่อสุขภาพกับเบาหวานชนิดที่ 2 แบบเต็มชั้น "ผมหลอกตัวเองมานานด้วยการคิดว่าผมมีสุขภาพดีแต่ผมแค่เป็นคนตัวใหญ่" เขากล่าว
เมมอนไม่ได้พูดเล่น เขาสูง 186 ซม.เคยหนักสูงสุดถึง 181 กก. แต่ตอนที่เขาไปพบกับนพ.สเปนเชอร์ นาโดลสกี เขาก็ไม่แน่ใจอีกต่อไปว่าเขามี "สุขภาพดี" นั่นคือวันที่ 15 มีนาคม 2016
เป็นหนึ่งในรายละเอียดหลายๆ อย่างที่เขาจำได้ชัดเจนเกี่ยวกับผู้ชายที่เคยมีประสบการณ์เปลี่ยน
ความเชื่อมาก่อน ขณะนั้นเกือบจะถึงวันเกิดปีที่ 42ของเขาในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า แต่แล้วน้ำหนัก
ของเขาก็ลดลงมาเหลือ 169 กก. ภายในระยะเวลาไม่นานนักโดยที่เขาไม่ใด้ใช้ความพยายามอะไรเลย
การมีน้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นสัญญาณเตือนโรคเบาหวานที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้แมมอนได้รู้แล้ว ประกอบกับอาการกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา ปริมาณปัสสาวะมากกว่าปกติ และมีอาการง่วงเพลียหลังอาหารทุกมื้อ เขากำลังจะกลายเป็นหนึ่งในสถิติของคนอเมริกัน 1.4 ล้านคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละปี (สมาคมโรคเบาหวานแห่งอมริกาประเมินว่ามีผู้ป่วยเบาหวาน 29 ล้านคน แต่หนึ่งในสี่ยังไม่รู้ตัว
คุณอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ และโอกาสที่คุณจะมีภาวะก่อนเบาหวานก็สูงยิ่งกว่านั้นอีก งานวิจัย
ล่าสุดแสดงให้เห็นว่หนึ่งในสามของคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่มีภาวะก่อนเบาหวาน เพราะไม่สามารถรู้ว่าตัวเองมีน้ำตาลในเลือดสูง จึงไม่รู้ว่ามีภาวะนี้นอกจากว่แพทย์จะเป็นคนบอก และคนที่มีภาวะก่อนเบาหวาน 90 เปอร์เซ็นต์ก็ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
แมมอนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีอาการเตือนหลักฐานอยู่ในประวัติคนไช้ของเขา รายงานบอกว่าในปี 2013 คำฮีโมโกลบิน A1c ของเขา ซึ่งก็คือค่าเฉลี่ยของระดับน้ำตาลในเลือดสามเดือนเท่ากับ 63 เปร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำกว่า 65 เปร์เซ็นต์ที่เป็นคำาวัดมาตรฐานของโรคเบาหวานอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเขาจำเรื่องนี้ไม่ได้ "ถ้าผมใส่ใจมากกว่นี้สักหน่อย ผมคงจะทำให้ตัวเองดีขึ้นได้อีกมาก" เขากล่าว
กว่าจะถึงเวลาที่เขาไปพบ นพ.นาโดลสกีผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ครอบครัวและโรคอ้วน
ในรัฐแมริแลนด์ คำ A1c ของแมมอนก็เพิ่มขึ้นไปกว่าเท่าตัวถึง 12 5 เสียแล้ว ค่าน้ำตาลในเลือด
ขณะงดอาหารของเขาอยู่ที่ 348 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรซึ่งสูงกว่าระดับปกติของผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี 3.5 เท่า
"เขาไม่ใช่แค่ "เกือบๆ จะ" เป็นเบาหวาน"นพ.นาโดลลกีกล่าว "เขาเป็นเบาหวานแบบรุนแรงชนิดที่ควบคุมไม่ใด้ แพทย์ส่วนใหญ่คงจะให้อินซูลินกับเขาโดยอัตโนมัติ คือมันรุนแรงถึงขั้นนั้นเลยล่ะ"
ระดับน้ำตาลที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดของแมมอนบวกกับน้ำหนักของเขา ชี้ไปสู่ปัญหาใหญ่อื่นๆที่อาจจะตามมาได้
เมื่อน้ำตาลจู่โจม
"Diabetes Mellitus" มาจากคำว่ากาลักน้ำในภาษากรีก หมายถึงปัสสาวะที่มากเกิน ซึ่งเป็น
อาการสำคัญของโรคนี้ และภาษาละดินว่ความหวานหมายถึงน้ำตาลที่ร่างกายพยายามอย่างหนักที่จะขับ
ออกไป ประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกไว้ว่าใครคือคนแรกที่ทดสอบฉี่ของคนเป็นโรคเบาหวาน แล้วสังเกตเห็ว่า
มีรสชาติเหมือนกับน้ำผึ้ง (แม้ว่าจะมีหลายคนสังเกตเห็นว่ามดชอบมาตอมก็ตาม) เรารู้เพียงแค่ว่า
เบาหวานอยู่กับเรามานานแล้วเบาหวานเริ่มต้นด้วยน้ำตาลในเลือดสูง ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้มากพอที่จะขับน้ำตาลออกจากกระแสเลือดเข้าไปในเซลล์กล้ามเนื้อหรือเซลล์ไขมัน หรือเพราะร่างกายหยุดตอบสนองต่ออินซูลินก็ตาม คนที่เป็นโรคเบาหวานราว 5 เปอร์เซ็นต์เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นโรคภูมิต้านตนเองที่จู่โจมตั้งแต่วัยเด็กหรือในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และต้องอาศัยการฉีดอินซูลินหรืออินซูลินปั๊มไปตลอดชีวิต
ส่วนคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อทำความเข้าใจกับโรคนี้ให้จินตนาการว่าร่างกายของคุณเป็นโรงงาน ซึ่งผลิตสินค้าชนิดหนึ่งคือพลังงานที่ร่างกายจะต้องใช้ในการทำงานไปได้คลอดวัน และทุกวันอาหารทุกมื้อหรืออาหารว่างก็คือวัตถุดิบใหม่ที่ถูกป้อนเข้ามาในโรงงานของคุณ
ทดลองเล่นสล็อตฟรี
นึกภาพวัตถุดิบเหล่านั้นมาถึงบนรถบรรทุกในสถานการณ์ปทติ รถจะแล่นมาตรงทำเพื่อเปลี่ยนถ่ายสินค้าในโรงงานของคุณ พนักงานของคุณ (อินซูลิน) ก็ขนของลง แล้วรถก็ขับออกจากทำไป เคลียร์พื้นที่ให้สำหรับการส่งของรอบต่อไป
ทีนี้จินตนาการว่ามีปัญหาเกิดขึ้น รถบรรทุกมาส่งของตามเวลาปกติ แต่ครั้งนี้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงประตูที่ทำเปลี่ยนถ่ายสินค้าและคนงานไม่สมารถยกของออกจากรถเข้าไปในโรงงานใด้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเคย แต่แทนที่จะมีการปรับตารางส่งของให้ช้าลงจนกว่าประตูจะซ่อมเสร็จฝ่ายจัดการก็แก้ปัญหาโดยส่งคนงานไปที่ท่เพิ่มขึ้นวิธีนี้ได้ผลแค่ชั่วครู่ และเจ้านายก็เกิดสั่งสินค้ามากขึ้นไปอีก ซึ่งหมายถึงมีรถบรรทุกมาส่งของมากขึ้นตู้เก็บสินค้ามากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องจบ MBAก็ทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ปริมาณของมากเกินทว่ความสามารถของคนงานที่จะจัดการให้และขณะที่ขบวนรถบรรทุกต่อแถวกันยาวขึ้นเรื่อยๆคนขับรถบางคนก็หงุดหงิดแล้วทิ้งสินค้า (น้ำตาล) ไว้ในที่จอดรถ (กระแสเลือด เสียเลย
อัตราการป่วยเป็นเบาหวานรนิดที่ 2 เพิ่มชั้นพร้อมกับโรคอ้วน นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะยิ่งคุณมียายุมากขึ้นพร้อมกับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นเท่าไงความเสี่ยงก็ยิ่งสงขึ้น การศึกษาระยะยาวของฮาร์วาร์ดที่ซื่อ Health Professionals Follow-up Study พบว่ความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2เพิ่มขึ้นเท่าตัวในผู้ชายที่มีน้ำหนักขึ้น 5 กก. หรือมากกว่านั้นหลังสำเร็จการศึกษา ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าสำหรับคนที่น้ำหนักขึ้น 10 กก.หรือมากกว่านั้น และเพิ่มขึ้นหกเท่าสำหรับคนที่
น้ำหนักขึ้นมากกว่า 15 กก. หรือมากกว่านั้น
|